ขอโทษครับ ผมไม่ใช่...วัยรุ่น
1.
“นี่ถ้าผมอายุน้อย ผมจะไปเรียนซ่อมแอร์ ผมว่างานมันเยอะดีช่วงนี้”
จริงๆผมควรจะแนะนำให้พวกคุณทุกคนรู้จักเขาว่าเป็น “ลุง” ซึ่งขับรถสองแถวเส้นปทุมธานี – สามโคก
แต่ด้วยความที่ปีนี้พ่อของผมจะอายุครบ 73 ปี การเรียกคนอื่นว่าลุง ก็ดูจะโหดร้ายเกินไปหน่อย
เอาเป็นว่าชายวัยใกล้ 60 คนนี้เป็นคนพูดก็ละกัน
2.
ผมกำลังนั่งตัดผมอยู่ที่ร้านประจำแถวตลาดในอำเภอเมือง ปทุมธานี
“อา” เจ้าของร้านบอกทุกครั้งว่า “วัยรุ่น”อย่างผม เขาไม่มาตัดร้านแบบนี้แล้ว
มีแต่คนรุ่นอายุ 50 ขึ้นไปที่มาตัด
ผมได้แต่ยิ้มให้ทุกครั้งที่เขาพูดแบบนั้น ลึกๆผมรู้ดีว่าทำไมผมถึงยังมาตัดที่ร้านนี้
ที่อธิบายง่ายที่สุดคือ ด้วยราคา 100 บาทเมื่อเทียบกับฝีมือ
รวมถึงความคุ้นเคยในแบบที่ไม่ต้องบอกว่าจะต้องตัดทรงไหน
ก็ถือว่าร้านนี้เป็นตัวเลือกที่ดีมาก
บวกกับเรื่องราวที่ได้ฟัง เหล่า คุณน้า คุณอา วัย 60 ปี คุยกันในร้าน
ก็ถือว่าเป็นอาหารสมองที่ดี รวมถึงเป็นบรรยากาศเก่าๆอีกแบบหนึ่ง
3.
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ผมไม่เคยบอกคุณอาช่างตัดผม คือ ผมไม่ใช่วัยรุ่นอีกต่อไปแล้ว
4.
เมื่อไม่กี่ปีก่อน ผมจะคิดทันทีว่ามันไม่เกี่ยวกับอายุหรอก
ถ้าคนเราคิดจะไปเรียนซ่อมแอร์ แถมยังเผลอคิดอีกว่า มันก็แค่คำพูดปกป้องตัวเอง
เพราะต่อให้วันนี้ชายสูงวัยเจ้าของประโยค “นี่ถ้าผมอายุยังน้อย” เขาอายุน้อยจริงๆ
ใครจะกล้าเดิมพันบ้างว่าเขาจะไปเรียนอย่างที่พูด
เพราะเราก็รู้กันอยู่ว่าคนเราบางครั้งก็พูดกันไปอย่างนั้น ไม่ได้คิดจริงจังสักเท่าไร
5.
แต่มาถึงตอนนี้ ผมเข้าใจเขา
เพราะบางครั้ง ผมก็เผลอมองอะไรหลายอย่างและคิดแบบเขาเหมือนกัน
ถ้าผมอายุยังน้อยนะ …
6.
ระหว่างกำลังตัดผม
คุณอาวัยขึ้นต้นด้วยเลข 6 ที่ยังขับมอเตอร์ไซต์ส่งของอยู่
ก็เล่าถึงประวัติอันแสนจะโชกโชนในวัยหนุ่ม ด้วยน้ำเสียงแสนภาคภูมิใจ
ในขณะที่ถ้ามองภายนอกของเขาในตอนนี้
คงมีเพียงตัวเขาเองคนเดียวที่ยังศรัทธาในเรี่ยวแรงและความมุ่งมั่นของวัยรุ่นคนนั้น
วัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในตัวเขามาหลายปี
ส่วนคนอื่นรอบข้างก็ได้แต่รอให้เขาเล่าเรื่องราวของตัวเองให้จบ
เพราะในความเป็นจริง ทุกคนรู้ว่าตำนานเหล่านั้นมันจบลงไปตั้งนานแล้ว
วัยรุ่นคนนั้นมันตายไปนานแล้ว
7.
ช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกล้ามากในการทำงาน
ทั้งที่ผมเคยเป็นคนที่มุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ
และพร้อมพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อไต่ลำดับความสามารถของตัวเอง
ทำสิ่งที่ยากและท้าทายตัวเองเพิ่มมากขึ้นในทุกวัน
แต่ในขณะนี้ ความสำเร็จของผมคือการได้กลับมาว่ายน้ำคนเดียวที่คอนโดในตอนค่ำมากกว่า
8.
ผมประนีประนอมกับความสำเร็จมากขึ้น
อะไรที่เคยคิดว่าต้องทำให้ได้ก่อนตาย ก็เริ่มหยวนๆมากขึ้น ไม่ทำก็ได้ ไม่เป็นไร
เอาสะดวก เอาสบายดีกว่า
เป้าหมายนั้นเป้าหมายนี้ที่เคยต้องไปให้ถึง ก็เริ่มลดจำนวนลง ลดความเข้มข้นลง
ขอเอาเวลามาพักผ่อน มาเที่ยว และที่สำคัญ มาว่ายน้ำดีกว่า
9.
จนกระทั่งช่วงของฟุตบอลโลกมาถึง ผมจึงตัดใจจากการทำงานทุกสิ่งทุกอย่าง
เอาเวลาทั้งหมดมาทุ่มเทให้กับการดูฟุตบอลและติดตามข่าว
ทำเหมือนที่เคยทำสมัยยังอยู่มัธยมหรือมหาวิทยาลัย
แถมติดตามอ่านข้อมูลทางหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง
มันเป็นวัยรุ่น แต่เป็นเพียงวัยรุ่นที่ชอบดูฟุตบอล ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
10.
ผมคิดเอาเองว่าเมื่อจบฟุตบอลโลกแล้วทุกสิ่งจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ผมจะกลับมามุ่งมั่นอีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดมันไม่เป็นแบบนั้น
ชีวิตไม่เคยง่าย ไม่ว่าคุณจะเป็นวัยรุ่นหรือไม่ก็ตาม
11.
จนกระทั่งวันนึง ผมว่ายน้ำกลับขึ้นมา
อาบน้ำแต่งตัวเพื่อรอดูรายการThe Rapper ที่ติดตามดูมาตลอดและเสียน้ำตาแทบทุกสัปดาห์
น้ำตาแห่งอารมณ์ น้ำตาแห่งความอิ่มเอม
และหลายครั้งมันเป็นน้ำตาที่เกิดจากการทบทวนตัวเอง
12.
ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่อสู้เพื่อความฝันของตัวเอง
เมื่อแพ้ก็ยอมรับความพ่ายแพ้
แต่ถึงกระนั้นก็มักจะมีน้ำตา เพราะด้วยความทุ่มเท
อย่างไรก็ไม่อยากเห็นตัวเองต้องจากไป ก่อนที่จะถึงวันสุดท้ายของรายการ
ทำนองเดียวกับฟุตบอลโลก ที่เราได้เห็นน้ำตาของนักฟุตบอลที่ตกรอบอยู่เสมอ
ถึงตรงนั้น ผมเฝ้าถามตัวเองว่าทำไม …
ทำไมผมไม่เคยรู้สึกดีใจหรือเสียใจมากมายในการต่อสู้
เหมือนคนเหล่านี้อีกแล้ว
13.
วินาทีนั้นล่ะ ที่ผมตระหนัก ว่าผมไม่ใช่วัยรุ่นอีกต่อไปแล้ว
14.
ตูน บอดี้แสลม บอกว่า เขาคิดแบบเด็ก คิดแบบวัยรุ่น
และแน่นอน ลงมือทำแบบวัยรุ่น
นั่นทำให้เขาออกวิ่งจากใต้สุดสู่เหนือสุดของประเทศ
ถ้าเขาคิดแบบผู้ใหญ่ ความกังวลมากมายคงทำให้เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้
นั่นจึงทำให้เขาเป็นสัญลักษณ์ของวัยรุ่น
ทั้งที่อายุเขาห่างไกลจากวัยรุ่นมาหลายปีแล้ว
15.
ฟักกลิ้งฮีโร่ หนึ่งในโค้ชในรายการ The rapper ผู้มีคำคมมาฝากอยู่เสมอ
วันนี้ เขาบอกผู้เข้าแข่งขันว่า
ทุ่มเทให้เต็มที่ ต่อสู้ให้สมกับเป็นวัยรุ่น
เพราะช่วงเวลาของการเป็นวัยรุ่นไม่ได้อยู่กับเรานานนัก
แค่เพียงเราเผลอลืมไปเพียงชั่วครู่ มันก็จะผ่านพ้นไป
และแน่นอน มันไม่มีทางย้อนกลับมา
วัยรุ่นคนนั้นในตัวคุณ เขาจะไม่มีทางกลับมา
16.
วินาทีนั้น ผมรู้แล้วว่าทำไมถึงรู้สึกไม่เหมือนเดิม
ทำไมไม่มุ่งมั่น ไม่สู้เหมือนเก่า
ก่อนหน้านี้ผมเขียนหนังสืออย่างหนักหน่วง เขียนแทบทุกวัน
ผมพร้อมจะไปบรรยายอยู่เสมอ พร้อมทดสอบตัวเองในหัวข้อที่ยากขึ้น
ท้าทายตัวเอง ให้เจอกับผู้ฟังที่เก่งขึ้นเรื่อยๆ
ผมจัดงานสัมมนามากมาย โดยไม่สนใจว่าจะขาดทุนหรือไม่
ผมสอนผ่านวิดีโอ ทำ E-book หลายต่อหลายเล่ม
ทั้งหมดนั้นไม่เคยกลัว ไม่เคยกังวล และที่สำคัญ ไม่เคยเหนื่อย
ถ้าตอนนี้ ผมยังคงพูดถึงเรื่องราวเหล่านั้นให้คนอื่นฟัง
มันก็ไม่ต่างอะไรกับชายแก่ที่ขี่มอเตอร์ไซต์ส่งของ
วัยรุ่นคนนั้นในตัวเราสองคน ต่างก็ตายไปแล้ว
17.
ขอบคุณคุณอา ช่างตัดผม ที่ยังคงคิดว่าผมเป็นวัยรุ่น
และเพื่อไม่ให้คุณอาต้องเสียคำพูด
ผมสัญญา ผมจะกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง
ผมจะไม่เล่าเรื่องราวเก่าๆ แต่จะสร้างมันขึ้นมาใหม่
ผมจะไม่กลัว จะไม่กังวล จะไม่คิดมากแบบผู้ใหญ่
แต่จะลงมือทำด้วยหัวใจที่เต้นระรัวแบบเด็กวัยรุ่นคนนั้น
คนที่ผมรู้ ว่าเขายังอยู่ในจิตวิญญาณผมอยู่เสมอ
เขาไม่ได้ตาย เขาเพียงแค่หลับไป และผมได้ยินเสียงกระซิบ
ว่าเขาพร้อมเหลือเกินที่จะตื่นขึ้นมา
18.
มีคนเคยบอกผมว่า ผู้ชายวัย 30 ถ้าไม่มีสมบัติอะไรติดตัว ก็จะไม่มีอีกแล้ว
มีคนเคยบอกผมว่า ผู้ชายวัย 40 ถ้ายังไม่ประสบความสำเร็จ ก็จะไม่ประสบอีกต่อไปแล้ว
มีคนเคยบอกผมว่า ชีวิตวัยรุ่นมันสั้น และเราจะไม่มีทางกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกแล้ว
ผมได้แต่ยิ้ม
19.
ไม่จำเป็นต้องพูดว่า “นี่ถ้าผมอายุน้อย..” อีกต่อไปแล้ว
ขอบคุณทุกคนมาก
วัยรุ่นคนนั้นที่หลับไปนานในตัวผม
เขาตื่นแล้ว ….