คริสโตเฟอร์ โรบิน
ผมไม่ได้ดูหนังการ์ตูนในโรงภาพยนตร์มานานมาก
และความยาวนานนั้นก็ถูกทำลายลงด้วยเรื่องราวของ คริสโตเฟอร์ โรบิน
ในความเห็นส่วนตัว สำหรับหน้าหนัง หนังเรื่องนี้สำหรับผมอยู่ในเกณฑ์ที่
ดูก็ได้ ไม่ดูก็ไม่ได้เสียหายอะไร
แต่คนข้างกายผมเธออยากดูเรื่องนี้ เมื่อรู้ตัวอีกที
ผมก็รู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังนั่งดูชีวิตของ คริสโตเฟอร์ โรบิน เสียแล้ว
เนื่องจากนี่ไม่ใช่บทความรีวิวหนัง และไม่อยากให้ใครที่ยังไม่ได้ดู อ่านแล้วต้องระวังการสปอยล์
สิ่งที่ผมอยากจะพูดมากกว่าเนื้อเรื่อง ก็เลยกลายเป็นความรู้สึกที่ได้รับการส่งผ่านมาจากหนังมากกว่า
ผมไม่อาจรู้ได้เลยว่าจริงๆแล้ว ผู้กำกับต้องการสื่อสารอะไรมาถึงคนดู
และไม่มั่นใจเลยว่า สารที่ผมได้รับนั้น คือสารที่ผู้กำกับอยากจะสื่อหรือไม่
ถึงกระนั้น มันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย หากคนดูแต่ละคน รู้สึกและรับสารจากหนังแตกต่างกัน
แมเดอลินผู้เป็นลูกสาว รำพึงรำพันกับแม่ว่า
เธอไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าพ่อของเธอ คริสโตเฟอร์ โรบิน เคยเป็นเด็ก
ด้วยความสัตย์จริง ตัวผมเองในวัยเด็กก็ไม่เคยเชื่อเลยว่าผู้ใหญ่คนไหนเคยเป็นเด็ก
จนกระทั่งเติบโตมาจึงค่อยๆมีความเชื่อในเรื่องนี้ตามมาทีหลัง
ที่พูดอย่างนั้นเพราะพวกเขาช่างดูเครียด กังวล ครุ่นคิด ระมัดระวังไปเสียทุกเรื่อง
ไม่มีความกล้าได้กล้าเสีย และไม่พร้อมจะสนุกกับอะไรเลย
แต่แล้วเมื่อวันเวลาเดินทางผ่านมา ผมเชื่อว่า
คงมีเด็กหลายคนเหมือนกัน ที่คิดว่าผมไม่เคยเป็นเด็ก
แน่ละ ผมเองไม่ได้ชอบโลกของผู้ใหญ่
ถึงแม้จะเคยตั้งตนเป็นผู้รู้ แนะนำเด็กๆถึงความลับในโลกของผู้ใหญ่
โดยเขียนหนังสือ ความลับในโลกของผู้ใหญ่ ที่มหา'ลัยไม่เคยบอก ขึ้นมา
แต่ถึงกระนั้น ผมก็ไม่ได้ชอบ และไม่ได้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย
ถึงกระนั้นคุณก็รู้ว่า ไม่มีใครรอดพ้นไปจากอำนาจของการเวลาได้
ไม่มีใครเด็กลง มีแต่จะแก่ขึ้นทุกวัน
ว่าก็ว่าเถอะ ผมมองเห็นเงาของตัวเองกับคริสโตเฟอร์ โรบิน
ทาบทับเป็นรอยเดียวกันอย่างพอดิบพอดี
ผมดูแล้วสะอิดสะเอียนในสิ่งที่พระเอกทำ พระเอกเป็น พระเอกคิด
แต่แท้ที่จริงแล้วผมน่าจะรังเกียจตัวเองต่างหาก
เราพอจะเดาทางได้อยู่แล้วว่า หนังที่มีพระเอกเป็นผู้ใหญ่
เล่นร่วมกับเหล่าตุ๊กตาที่เขาเคยผูกพันในวัยเด็กนั้น
ส่วนใหญ่แล้ว อยากจะให้ข้อคิดอะไรกับเรา
แต่แล้วเราก็หลงพยักหน้าเห็นด้วยไปกับสิ่งที่หนังต้องการจะบอกอยู่เสมอ
ราวกับว่าเราไม่เคยรู้อะไรเลย
ชีวิตจริงก็เป็นแบบนั้น ใครก็รู้ว่าเราสูญเสียความเป็นเด็กในตัวไปแล้ว
ไม่รู้ว่าจุดเปลี่ยนมันอยู่วันไหนในชีวิตของเรา
รู้แต่ว่าวันนี้มันไม่อยู่กับเราแล้ว
และสำหรับผม มันเหมือนเจ้าพูห์เดินมาชี้หน้าแล้วบอกผมว่า
เจ้าผู้ใหญ่สมองน้อย เจ้าสูญเสียสิ่งที่ดีที่สุดในตัวมนุษย์ นั่นคือความสดในวัยเด็กไปเสียแล้ว
หลังจากหนังจบลง ผมก็จำเป็นต้องถามตัวเองว่า
เป็นไปได้หรือไม่ที่จะดึงเอาบางอย่างจากอดีตกลับมา
ความสนุกสนานในชีวิต ความสุขที่เรียบง่าย
ความผูกพันที่ไม่ซับซ้อน และ ใช้ชีวิตเพื่อชีวิตที่กำลังดำเนินอยู่ตรงหน้า
ไม่ใช่กังวลถึงแต่อนาคตที่มาไม่ถึง
เพราะถ้าไม่สามารถเอาอะไรกลับมาได้เลย
วันนึงผมอาจจะเป็นอีกคน
ที่เดินสวนกับแก็งค์พิกเล็ต, พูห์, อียอ และทิกเกอร์ และทำเป็นไม่รู้จักพวกเขา
หมางเมินแววตาอันห่วงหาอาทรเหล่านั้น พร้อมทั้งพร่ำบอกตัวเองว่า
ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว
และจะไม่ยุ่งกับตุ๊กตาไร้สาระแบบนี้
เอาล่ะครับ ไม่ว่าคุณจะอยากมาหรือไม่ก็ตาม
ยินดีต้อนรับสู่โลกของผู้ใหญ่ครับ
และความยาวนานนั้นก็ถูกทำลายลงด้วยเรื่องราวของ คริสโตเฟอร์ โรบิน
ในความเห็นส่วนตัว สำหรับหน้าหนัง หนังเรื่องนี้สำหรับผมอยู่ในเกณฑ์ที่
ดูก็ได้ ไม่ดูก็ไม่ได้เสียหายอะไร
แต่คนข้างกายผมเธออยากดูเรื่องนี้ เมื่อรู้ตัวอีกที
ผมก็รู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังนั่งดูชีวิตของ คริสโตเฟอร์ โรบิน เสียแล้ว
เนื่องจากนี่ไม่ใช่บทความรีวิวหนัง และไม่อยากให้ใครที่ยังไม่ได้ดู อ่านแล้วต้องระวังการสปอยล์
สิ่งที่ผมอยากจะพูดมากกว่าเนื้อเรื่อง ก็เลยกลายเป็นความรู้สึกที่ได้รับการส่งผ่านมาจากหนังมากกว่า
ผมไม่อาจรู้ได้เลยว่าจริงๆแล้ว ผู้กำกับต้องการสื่อสารอะไรมาถึงคนดู
และไม่มั่นใจเลยว่า สารที่ผมได้รับนั้น คือสารที่ผู้กำกับอยากจะสื่อหรือไม่
ถึงกระนั้น มันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย หากคนดูแต่ละคน รู้สึกและรับสารจากหนังแตกต่างกัน
แมเดอลินผู้เป็นลูกสาว รำพึงรำพันกับแม่ว่า
เธอไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าพ่อของเธอ คริสโตเฟอร์ โรบิน เคยเป็นเด็ก
ด้วยความสัตย์จริง ตัวผมเองในวัยเด็กก็ไม่เคยเชื่อเลยว่าผู้ใหญ่คนไหนเคยเป็นเด็ก
จนกระทั่งเติบโตมาจึงค่อยๆมีความเชื่อในเรื่องนี้ตามมาทีหลัง
ที่พูดอย่างนั้นเพราะพวกเขาช่างดูเครียด กังวล ครุ่นคิด ระมัดระวังไปเสียทุกเรื่อง
ไม่มีความกล้าได้กล้าเสีย และไม่พร้อมจะสนุกกับอะไรเลย
แต่แล้วเมื่อวันเวลาเดินทางผ่านมา ผมเชื่อว่า
คงมีเด็กหลายคนเหมือนกัน ที่คิดว่าผมไม่เคยเป็นเด็ก
แน่ละ ผมเองไม่ได้ชอบโลกของผู้ใหญ่
ถึงแม้จะเคยตั้งตนเป็นผู้รู้ แนะนำเด็กๆถึงความลับในโลกของผู้ใหญ่
โดยเขียนหนังสือ ความลับในโลกของผู้ใหญ่ ที่มหา'ลัยไม่เคยบอก ขึ้นมา
แต่ถึงกระนั้น ผมก็ไม่ได้ชอบ และไม่ได้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย
ถึงกระนั้นคุณก็รู้ว่า ไม่มีใครรอดพ้นไปจากอำนาจของการเวลาได้
ไม่มีใครเด็กลง มีแต่จะแก่ขึ้นทุกวัน
ว่าก็ว่าเถอะ ผมมองเห็นเงาของตัวเองกับคริสโตเฟอร์ โรบิน
ทาบทับเป็นรอยเดียวกันอย่างพอดิบพอดี
ผมดูแล้วสะอิดสะเอียนในสิ่งที่พระเอกทำ พระเอกเป็น พระเอกคิด
แต่แท้ที่จริงแล้วผมน่าจะรังเกียจตัวเองต่างหาก
เราพอจะเดาทางได้อยู่แล้วว่า หนังที่มีพระเอกเป็นผู้ใหญ่
เล่นร่วมกับเหล่าตุ๊กตาที่เขาเคยผูกพันในวัยเด็กนั้น
ส่วนใหญ่แล้ว อยากจะให้ข้อคิดอะไรกับเรา
แต่แล้วเราก็หลงพยักหน้าเห็นด้วยไปกับสิ่งที่หนังต้องการจะบอกอยู่เสมอ
ราวกับว่าเราไม่เคยรู้อะไรเลย
ชีวิตจริงก็เป็นแบบนั้น ใครก็รู้ว่าเราสูญเสียความเป็นเด็กในตัวไปแล้ว
ไม่รู้ว่าจุดเปลี่ยนมันอยู่วันไหนในชีวิตของเรา
รู้แต่ว่าวันนี้มันไม่อยู่กับเราแล้ว
และสำหรับผม มันเหมือนเจ้าพูห์เดินมาชี้หน้าแล้วบอกผมว่า
เจ้าผู้ใหญ่สมองน้อย เจ้าสูญเสียสิ่งที่ดีที่สุดในตัวมนุษย์ นั่นคือความสดในวัยเด็กไปเสียแล้ว
หลังจากหนังจบลง ผมก็จำเป็นต้องถามตัวเองว่า
เป็นไปได้หรือไม่ที่จะดึงเอาบางอย่างจากอดีตกลับมา
ความสนุกสนานในชีวิต ความสุขที่เรียบง่าย
ความผูกพันที่ไม่ซับซ้อน และ ใช้ชีวิตเพื่อชีวิตที่กำลังดำเนินอยู่ตรงหน้า
ไม่ใช่กังวลถึงแต่อนาคตที่มาไม่ถึง
เพราะถ้าไม่สามารถเอาอะไรกลับมาได้เลย
วันนึงผมอาจจะเป็นอีกคน
ที่เดินสวนกับแก็งค์พิกเล็ต, พูห์, อียอ และทิกเกอร์ และทำเป็นไม่รู้จักพวกเขา
หมางเมินแววตาอันห่วงหาอาทรเหล่านั้น พร้อมทั้งพร่ำบอกตัวเองว่า
ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว
และจะไม่ยุ่งกับตุ๊กตาไร้สาระแบบนี้
เอาล่ะครับ ไม่ว่าคุณจะอยากมาหรือไม่ก็ตาม
ยินดีต้อนรับสู่โลกของผู้ใหญ่ครับ