ความเหงาในโลกดิจิตอล
สองสัปดาห์ก่อนผมไปซื้อกล้องติดรถมาครับ
เคยตั้งใจไว้ตั้งนานแล้วว่าจะติด
แต่พอยุ่งๆก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันเท่าไร
จนกระทั่งมีสถานการณ์บังคับให้ต้องติด
ก็เลยต้องปลีกตัว หาเวลาศึกษามันสักหน่อย
เอาจริงๆผมไม่ได้สนใจอะไรมาก
ก็เลยไม่ได้กะจะลงทุนกับมันเยอะ
เอาแค่พอใช้ได้
ไม่ต้องมี function หรือ feature อะไรมากมายนัก
ก็เริ่มจากลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ดูรีวิว
ดูว่ารุ่นไหนคุ้มค่า แล้วก็กะว่าจะสั่งซื้อ
แต่คิดไปคิดมา อยากจะได้ที่ซื้อที่ดูน่าเชื่อถือหน่อย
ไม่อยากซื้อพวกแบรนด์จีนที่ไม่มีประกัน
ไหนๆจะเสียเงินแล้ว ก็ขอความแน่นอนไว้หน่อย
ก็เลยใช้วันหยุด ไปเดินหากล้องที่ห้างแห่งหนึ่งครับ
กะว่าจะได้จบเรื่องนี้สักที
พอไปถึง ปรากฏว่า เราไม่รู้จะเริ่มยังไงครับ
ถ้าเราดูในอินเตอร์เน็ต เรา search ได้ทั่วโลก
แต่พอมาที่นี่ เราต้องเดินดูทีละร้าน ถ้าสนใจก็เข้าไปคุย
แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว รู้สึกเลยว่า
โลกสมัยใหม่ทำให้บางครั้งการเดินดูของ
กลายเป็นเรื่องเสียเวลาไปเสียแล้ว
สุดท้ายเดินไปเดินมา
เจอร้านนึงมีพนักงานอยู่ ก็เลยเข้าไปคุย
คุยอยู่ได้สัก 20 นาที ก็ตัดสินใจซื้อที่นี่เลย
เพราะขี้เกียจหาแล้ว
แต่ที่สำคัญที่สุด ผมไม่ได้ซื้อเพราะกล้อง
แต่ซื้อเพราะคนขายครับ
น้องคุยดี อธิบายดี ดูจริงใจ
พร้อมช่วยเหลือเราที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอย่างเต็มที่
ไม่ได้ยัดเยียดขายในแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง
แถมระหว่างทางจะเดินไปติดตั้งที่รถ
ก็ยังคุยกันยาวถึงประวัติส่วนตัว
เรียนที่ไหน ทำงานอะไรกันมาบ้าง ทัศนคติเป็นยังไง
จนกระทั่งติดเสร็จก็เรียกว่ารู้จักน้องคนขายเป็นอย่างดี
อาจจะรู้จักประวัติเขา
มากกว่าเจ้าของร้านที่จ้างเขามาขายเสียอีก
วันนั้นกลับมาก็มานั่งถามตัวเองว่า
ทำไมเราถึงรู้สึกดีที่ได้เจอคนขายที่ดี
คนขายที่จริงใจ
ได้มีความสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกันในการซื้อของ
ใช่แล้วครับ
ในปัจจุบัน เรามีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ที่ไม่รู้จัก น้อยมาก
สั่งของกินผ่านเน็ต เราก็ไม่ได้คุยกับมอเตอร์ไซต์ที่มาส่ง
ซื้อของที่ห้าง ถ้าเป็นพนักงานร้าน
พนักงานห้าง ใส่ยูนิฟอร์ม
คุณไม่ค่อยรู้สึกว่าเขาเป็นมนุษย์เท่าไรหรอกครับ
อย่างน้อยคุณก็คงไม่เสียเวลาไปถามว่า
เขามาทำงานที่นี่เพราะเหตุผลอะไร
แต่วันนี้ผมไปห้างที่คล้ายกับตลาดนัดติดแอร์
ร้านที่ไม่ได้เป็นร้านแบรนด์ใหญ่อะไร
มันก็เลยได้เจอบรรยากาศอีกแบบ
และได้รู้เลยว่า ชีวิตในโลกปัจจุบัน
อะไรที่มันหายไปจากเรา
หนังสือเล่มล่าสุดที่ผมกำลังอ่าน
พูดถึงร้านขายของ ของ Amazon
ที่เรียกว่า Amazon go
เป็นร้านที่ไม่มีพนักงาน
เราสามารถซื้อของแล้วออกไปได้เลย
ระบบทุกอย่างจะเก็บข้อมูลและคิดเงินออนไลน์ทีหลัง
ฟังดูเต็มไปด้วยเทคโนโลยี แต่ก็เหงาๆไปด้วยพร้อมๆกัน
ต่อไปอีก 10 ปี เมื่อโลกดิจิตอลกลืนกินเราอย่างเต็มตัว
วันนึงอาจจะมีแบรนด์ใดแบรนด์นึง
ออกมาโฆษณากับเราว่า
เขากำลังเปิดร้านค้า
ที่ลูกค้าจะได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับคนขายที่เป็นคนจริงๆ
ไม่ใช่ระบบ ไม่ใช่หุ่นยนต์ ไม่ใช่คนที่ใส่ชุดฟอร์ม
และมีหน้าที่แค่ยัดเยียดให้คุณซื้อของเพิ่ม
ว่าแต่ ครั้งล่าสุดที่คุณคุยกับคนขายของถึงชีวิตและทัศนคติของเขา
คือเมื่อไรกันครับ
เคยตั้งใจไว้ตั้งนานแล้วว่าจะติด
แต่พอยุ่งๆก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันเท่าไร
จนกระทั่งมีสถานการณ์บังคับให้ต้องติด
ก็เลยต้องปลีกตัว หาเวลาศึกษามันสักหน่อย
เอาจริงๆผมไม่ได้สนใจอะไรมาก
ก็เลยไม่ได้กะจะลงทุนกับมันเยอะ
เอาแค่พอใช้ได้
ไม่ต้องมี function หรือ feature อะไรมากมายนัก
ก็เริ่มจากลองหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ดูรีวิว
ดูว่ารุ่นไหนคุ้มค่า แล้วก็กะว่าจะสั่งซื้อ
แต่คิดไปคิดมา อยากจะได้ที่ซื้อที่ดูน่าเชื่อถือหน่อย
ไม่อยากซื้อพวกแบรนด์จีนที่ไม่มีประกัน
ไหนๆจะเสียเงินแล้ว ก็ขอความแน่นอนไว้หน่อย
ก็เลยใช้วันหยุด ไปเดินหากล้องที่ห้างแห่งหนึ่งครับ
กะว่าจะได้จบเรื่องนี้สักที
พอไปถึง ปรากฏว่า เราไม่รู้จะเริ่มยังไงครับ
ถ้าเราดูในอินเตอร์เน็ต เรา search ได้ทั่วโลก
แต่พอมาที่นี่ เราต้องเดินดูทีละร้าน ถ้าสนใจก็เข้าไปคุย
แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว รู้สึกเลยว่า
โลกสมัยใหม่ทำให้บางครั้งการเดินดูของ
กลายเป็นเรื่องเสียเวลาไปเสียแล้ว
สุดท้ายเดินไปเดินมา
เจอร้านนึงมีพนักงานอยู่ ก็เลยเข้าไปคุย
คุยอยู่ได้สัก 20 นาที ก็ตัดสินใจซื้อที่นี่เลย
เพราะขี้เกียจหาแล้ว
แต่ที่สำคัญที่สุด ผมไม่ได้ซื้อเพราะกล้อง
แต่ซื้อเพราะคนขายครับ
น้องคุยดี อธิบายดี ดูจริงใจ
พร้อมช่วยเหลือเราที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอย่างเต็มที่
ไม่ได้ยัดเยียดขายในแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง
แถมระหว่างทางจะเดินไปติดตั้งที่รถ
ก็ยังคุยกันยาวถึงประวัติส่วนตัว
เรียนที่ไหน ทำงานอะไรกันมาบ้าง ทัศนคติเป็นยังไง
จนกระทั่งติดเสร็จก็เรียกว่ารู้จักน้องคนขายเป็นอย่างดี
อาจจะรู้จักประวัติเขา
มากกว่าเจ้าของร้านที่จ้างเขามาขายเสียอีก
วันนั้นกลับมาก็มานั่งถามตัวเองว่า
ทำไมเราถึงรู้สึกดีที่ได้เจอคนขายที่ดี
คนขายที่จริงใจ
ได้มีความสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกันในการซื้อของ
ใช่แล้วครับ
ในปัจจุบัน เรามีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ที่ไม่รู้จัก น้อยมาก
สั่งของกินผ่านเน็ต เราก็ไม่ได้คุยกับมอเตอร์ไซต์ที่มาส่ง
ซื้อของที่ห้าง ถ้าเป็นพนักงานร้าน
พนักงานห้าง ใส่ยูนิฟอร์ม
คุณไม่ค่อยรู้สึกว่าเขาเป็นมนุษย์เท่าไรหรอกครับ
อย่างน้อยคุณก็คงไม่เสียเวลาไปถามว่า
เขามาทำงานที่นี่เพราะเหตุผลอะไร
แต่วันนี้ผมไปห้างที่คล้ายกับตลาดนัดติดแอร์
ร้านที่ไม่ได้เป็นร้านแบรนด์ใหญ่อะไร
มันก็เลยได้เจอบรรยากาศอีกแบบ
และได้รู้เลยว่า ชีวิตในโลกปัจจุบัน
อะไรที่มันหายไปจากเรา
หนังสือเล่มล่าสุดที่ผมกำลังอ่าน
พูดถึงร้านขายของ ของ Amazon
ที่เรียกว่า Amazon go
เป็นร้านที่ไม่มีพนักงาน
เราสามารถซื้อของแล้วออกไปได้เลย
ระบบทุกอย่างจะเก็บข้อมูลและคิดเงินออนไลน์ทีหลัง
ฟังดูเต็มไปด้วยเทคโนโลยี แต่ก็เหงาๆไปด้วยพร้อมๆกัน
ต่อไปอีก 10 ปี เมื่อโลกดิจิตอลกลืนกินเราอย่างเต็มตัว
วันนึงอาจจะมีแบรนด์ใดแบรนด์นึง
ออกมาโฆษณากับเราว่า
เขากำลังเปิดร้านค้า
ที่ลูกค้าจะได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับคนขายที่เป็นคนจริงๆ
ไม่ใช่ระบบ ไม่ใช่หุ่นยนต์ ไม่ใช่คนที่ใส่ชุดฟอร์ม
และมีหน้าที่แค่ยัดเยียดให้คุณซื้อของเพิ่ม
ว่าแต่ ครั้งล่าสุดที่คุณคุยกับคนขายของถึงชีวิตและทัศนคติของเขา
คือเมื่อไรกันครับ