THAI TABLE WE SERVE HAPPINESS AND GOOD MEMORIES THROUGH AUTHENTIC THAI FOOD ON YOUR DINNING TABLE.
  • HOME
  • Menus
  • Order
  • About us
  • Contact us
Picture

เดี่ยว 12

Picture
 ​เหม่อมองฟ้าคืนนี้
แสงดาวเรียงรายสวยเด่น
แต่ใจฉันคืนนี้ สุดแสนลำเค็ญหม่นหมาง
ค่ำคืนนั้นได้กอดกระซิบ แนบชิดเคียงข้าง
แต่คืนนี้เปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง ระทมอ่อนใจ

*สุดเหงา ลมโชยมาหนาวสั่น
ยังคิดถึงคืน ยามแสนชื่นไม่หาย
ยากจะหา รักใดแทนนั้นได้
สุขนั้นลอยไป เลือนลางลับตา

เสียงเพลง ดาวประดับใจ ของคุณดอน สอนระเบียบ
ดังก้องกังวานอยู่ในหัว 
มันอาจจะไม่ได้เพราะมากนัก แต่ก็เต็มไปด้วยความหมาย 

ผมนั่งฟังเพลงนี้อยู่ในงาน "เดี่ยว 12" ของพี่โน๊ต อุดม
ที่ทุกคนคงรู้จักกันดี
จะว่าไปคนอายุ 30 - 60 ในประเทศไทย
คงหาคนที่ไม่รู้จักพี่โน๊ตได้ยากพอสมควรเหมือนกันนะครับ

จริงๆแล้วถ้าย้อนความกันไป
ผมอยากดูการแสดง one standup comedy นี้มาตั้งแต่เดี่ยว 1
ซึ่งเริ่มต้นในปี 2538 
แต่จะด้วยวัย ความสนใจ ฐานะ หรืออะไรก็ตาม
ผมทำได้เพียงดูผ่านวิดีโอหรือซีดี อยู่ที่บ้าน
จนกระทั่งปี 2561 นี้ 
ผมจึงได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งครั้งแรกในมหรสพเดี่ยวอันยาวนาน
23 ปีที่รอคอย นับเป็นเวลาที่ยาวนาน
ถึงกระนั้นในความรู้สึกของพี่โน๊ต
​มันคงยาวนานกว่าผมมากนัก

ถึงแม้จะดูที่บ้านมาตลอด แต่ผมก็รู้สึกได้ว่า
เมื่อวานพี่โน๊ตดูเหนื่อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา 
ความชราของร่างกายไม่เคยปราณีใครอยู่แล้ว
แต่ผมรู้สึกว่ายังโชคดีเหลือเกินที่แววตาของเขายังคงฉายแวววิบวับอยู่บ้าง
แต่ไม่รู้สิ จะด้วยหลายอย่างประกอบกัน หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมรู้สึกว่า
ตำนานของเดี่ยวไมโครโฟนคนเดียวของเมืองไทยมันเหมือนใกล้จะจบลงแล้ว
หากความอ่อนล้ามาพร้อมกับการหมดความท้าทาย
บางที เราอาจจะได้เห็นโน๊ต อุดมบนเวทีของตัวเองอีกแค่ 1 หรือ 2 ครั้งก็เป็นได้

ถ้าดูจากปีเกิด ปีนี้นักเดี่ยวมือหนึ่งของประเทศเรากำลังจะก้าวเข้าสู่วัยเลข 5 เป็นปีแรก
ด้วยวัยนี้ ไม่ว่าอาชีพไหนคุณก็คงจะรู้แล้วว่าตัวเองประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานหรือเปล่า 
และทุกสิ่งที่ทำผ่านมา มันให้ผลอย่างไรกับชีวิต
ความเชี่ยวชาญ ความรอบรู้ มันย่อมมาพร้อมความอ่อนล้าโรยแรง

ในอดีต ทุกครั้งที่การแสดงเดี่ยวถูกจัดขึ้น
มันมักจะมีคำใหม่ๆ มีประโยคใหม่ๆ มีเรื่องราวใหม่ๆ ให้เราได้พูดถึงกัน
และหลังๆก็มีทัศนะเกี่ยวกับการเมืองที่ถึงแม้จะทำให้เราตลก ทำให้เรายิ้ม
แต่ก็ยิ้มทั้งน้ำตาให้กับความอ่อนแอของสังคมเรา
แต่ครั้งนี้ ผมรู้สึกว่ามันยังคงตลก แต่ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรให้พูดถึงกันต่อไปมากนัก
และที่สำคัญ เรื่องราวเกี่ยวกับสังคมการเมืองที่พี่โน๊ตนำเสนอ
มันดูจริงมากกว่าทุกครั้ง เหมือนเป็นการระบายความรู้สึก
ในสื่อและช่องทางที่ตัวเองมีอยู่ในมือ

ระหว่างที่นั่งฟังอยู่ในนั้น มีหลายครั้งเหลือเกินที่ผมคิดว่า
ในวัย 50 ปี ผมจะอ่อนล้าขนาดไหน
และจะยังมีพลังทำอะไรใหญ่โตแบบนี้ไหม

คนวัย 50 ในอดีต คนวัย 50 ในตอนนี้
กับคนวัย 50 ในยุคที่ผมกำลังจะเดินหน้าไปนั้นไม่เหมือนกัน
เพราะไม่มียุคไหนอีกแล้วที่เทคโนโลยีจะทำให้หลายสิ่งหลายอย่างหายไปอย่างรวดเร็ว 
10 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ไอโฟนเครื่องแรกออกมา
ทุกอย่างเดินหน้าไปแบบไม่สนใจใครทั้งสิ้น
และคนวัย 50 มีหลายสิ่งที่ต้องสูญเสีย
จะไม่ก้าวตามเลยก็จะตกยุค จะไม่โหยหาเลยก็ทำใจยากลำบาก
แถมบางสิ่งถึงแม้จะโหยหาขนาดไหน 
ก็ไม่สามารถกลับไปมีประสบการณ์แบบเดิมได้อีกต่อไปแล้ว
เพราะทุกอย่างถูกเทคโนโลยีกลืนกินไปจนหมดสิ้น

นักแสดงตลกอย่างพี่โน๊ต สิ่งนึงที่สำคัญเหลือเกินคือการสังเกตสังคม
การติดตามดูทุกสิ่งในชีวิตประจำวัน
เพื่อนำมากลั่นกรองออกมาเป็นเรื่องราว และนำเสนอกับผู้ชมผู้ฟัง
ผมสงสัยอีกแล้วว่า
ในวัย 50 เรายังอยากจะเปิดเรดาร์รับข้อมูลมากขนาดนั้นอยู่หรือเปล่า

หลายเรื่องราวที่ได้ฟังในคืนนี้อาจจะเป็นคำตอบ 
เพราะหลายเรื่องที่เล่า เป็นเรื่องราวย้อนกลับไปในความทรงจำของพี่โน๊ต
และแน่นอน เป็นหมุดหมายสำคัญที่แกต้องเผชิญกับความเงียบในฮอลล์อันกว้างใหญ่
เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้บางสิ่งบางอย่างที่คนฟังได้ยิน
เขาไม่มีประสบการณ์ร่วมมากพอ ที่จะหัวเราะหรือยิ้มให้มันได้อีกแล้ว

จะเป็นยังไง ถ้าวันนึง
ศิลปิน one stand up comedy เล่าแต่เรื่องที่คนฟังทุกคนไม่เคยได้ยิน
ทุกคนในห้องก็เงียบ ไม่มีเสียงหัวเราะ 
ไม่ใช่เรื่องมันไม่ตลก แต่เขาไม่อินกับเรื่องราว 
และต่อจากนั้น เขาอาจจะคิดว่า
นักสังเกตสังคม ที่สะท้อนเรื่องราวของยุคสมัยคนเดิมคนนั้น
อาจจะไม่ได้อาศัยอยู่ในตัวของคนบนเวทีอีกต่อไปแล้ว

ผมอยู่ในวงการเทคโนโลยี
เลยมีโอกาสได้เห็นคนวัยเลข 5 มากมายที่ยังคงอินเทรนด์ ยังคงตามโลกทัน
มากไปกว่านั้นยังรู้หลายเรื่องรอบโลกมากจนผมอิจฉา
แต่ผมลืมไปว่า โลกภายนอกนั้นไม่ใช่ ไม่ใช่ทุกคนที่หมุนตามโลกทัน

สำหรับผม เดี่ยว 12 คืนนี้ทำให้ผมหัวเราะตั้งแต่ต้นจนจบ
และตาเป็นประกายตลอดการแสดง
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ไม่ว่าเดี่ยวจะมีไปอีกกี่ครั้ง
​หรือเราจะมีศิลปินแขนงนี้อีกกี่คนในประเทศ
และแน่นอน ไม่ว่าเขาหลายคนต่อจากนี้จะเก่งกาจสามารถขนาดไหน
ผมเชื่อว่าจะไม่มีสักครังที่คนในประเทศไทยเอ่ยถึงการเป็นศิลปินเดี่ยวไมโครโฟนบนเวที
และจะไม่เอ่ยถึงผู้ชายคนนี้

23 ปีเป็นเส้นทางอันยาวนาน และถึงแม้มันจะจบลงที่ตรงนี้ หรือจะดำเนินไปอีกกี่ปี
มันไม่ได้มีผลทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
เพราะสิ่งที่พี่โน๊ตทำ มันกลายเป็นตำนานของประเทศนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

และตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่พี่โน๊ตต้องการ ที่ผมสัมผัสได้จากบนเวที
มันไม่ใช่ชื่อเสียง เงินทอง หรือการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองอีกต่อไปแล้ว
มันอาจจะเป็นแค่ใครคนนึงที่รอการกลับบ้านของศิลปิน "หนุ่ม" คนนี้ 
รอมอบอ้อมกอดให้กับเขาในค่ำคืนการแสดงอันเหนื่อยล้า

ขอบคุณที่สร้างความสุขและเสียงหัวเราะให้คนไทยตลอด 23 ปีที่ผ่านมา 
และด้วยความสัตย์จริง อยากให้มันยาวนานไปตลอดกาล

ปล. หวังว่าเมื่อเราอายุ 50 จะยังทำอะไรยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้
​เพราะขนาดแค่ตอนนี้ หัวเราะสองชั่วโมงกว่ายังเหนื่อยล้าแทบแย่
Picture

โค้ชเอก  เอกศักดิ์ ขาวสะอาด

www.coacheak.com
Facebook.com/Coacheak
Line ID : Coacheak

Instagram : Coacheak

  • HOME
  • Menus
  • Order
  • About us
  • Contact us